ในประเทศไทย เราพบว่ามีปัญหาการใช้งาน บุหรี่ไฟฟ้า นับวันจะยิ่งรุนแรงเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ แม้จะมีการประกาศกระทรวงพาณิชย์ ห้ามนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้าเข้ามาในประเทศไทย เมื่อปี พ.ศ.2557 รวมถึงมีคำสั่งของคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคห้ามจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้ามาตั้งแต่ปี พ.ศ.2558 และ พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ.2560 มีโทษปรับ 5000 บาท สำหรับผู้สูบบุหรี่ไฟฟ้าในที่สาธารณะ ที่ห้ามสูบ เช่นเดียวกับบุหรี่ธรรมดา แต่ก็ยับพบว่ามีการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าอยู่อย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งมุ่งเป้ากลุ่มเด็กและเยาวชนผ่านช่องทางออนไลน์
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นายแพทย์วิชช์ เกษมทรัพย์ อาจารย์แพทย์ประจำภาควิชา เวชศาสตร์ชุมชน คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ได้เปิดเผยถึงอันตรายที่ไม่ควรมองข้ามจากฝุ่นควันที่เกิดจากการสูบบุหรี่ไฟฟ้า ว่านอกจากมีนิโคตินที่เป็นสารเสพติดอย่างรุนแรงเลิกยากแล้ว ยังมีสารที่เป็นอันตรายทั้งโลหะหนักและสารก่อมะเร็งต่าง ๆ รวมถึงมีสารที่มีขนาดเล็กจิ๋ว pm 2.5 อยู่ในควันบุหรี่ไฟฟ้า แต่หลายคนเข้าใจผิด คิดว่าเป็นเพียงไอน้ำที่ส่งกลิ่นหอม โดยไม่คาดว่ากลิ่นหอมนั้นจะประกอบด้วยสารเคมี ที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ที่จะส่งผลต่อสุขภาพทั้งในระยะสั้น ระยะยาว และส่งผลต่อพัฒนาการด้านสติปัญญาของเยาวชน
นอกจากนี้ พบว่าผู้ที่ต้องสูดดมควันจากบุหรี่ไฟฟ้าโดยไม่ได้ตั้งใจ แม้จะไม่ได้เป็นผู้เสพเองโดยตรง ก็จะได้รับอันตรายจาก สารอันตรายในบุหรี่ไฟฟ้า ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน การแพร่ระบาดของการใช้บุหรี่ไฟฟ้าไปทั่วโลก ทั้งที่ถูกสร้างมาไม่ถึง 20 ปีนั้น คาดว่าเกิดจากการถูกโฆษณาให้เข้าใจผิด คิดว่าเป็นทางเลือกใหม่ในการช่วยเลิกบุหรี่ที่มีอันตรายน้อย
บุหรี่ไฟฟ้า อันตราย จริงหรือ ?
โดยผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นายแพทย์วิชช์ เกษมทรัพย์ คาดว่าอาจเป็นเพราะในช่วงแรกยังไม่มีงานวิจัยที่แน่ชัดมารองรับถึงอันตรายของบุหรี่ไฟฟ้า เพราะยังเป็นของใหม่ จึงเป็นช่องทางโฆษณาว่ามีอันตรายน้อย รวมถึงมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของผู้ขายที่ต้องการขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มเยาวชนหญิงให้มีทั้งกลิ่นหอมและรูปลักษณ์ที่น่าใช้น่าลอง ทำให้เกิดการระบาดอย่างหนักในหมู่เยาวชน แทนที่จะถูกใช้อยู่ในเฉพาะกลุ่มผู้ที่ต้องการเลิกสูบบุหรี่ โดยในสหรัฐอเมริกาพบว่ามีอัตราการสูบบุหรี่ไฟฟ้าในเยาวชน อายุ 14-17 ปี เพิ่มขึ้นกว่า 10 เท่า ภายในเวลา 7 ปี จาก ปี ค.ศ.2011-2018 มีอัตราการสูบจากร้อยละ 1.5 ไปเป็นมากกว่าร้อยละ 20
ปัจจุบันมีรายงานการวิจัยบ่งชี้ถึงอันตรายของบุหรี่ไฟฟ้านับพันชิ้นเพิ่มขึ้นกว่าเมื่อสิบปีก่อน มีทั้งการเพิ่มโอกาสของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด โรคมะเร็ง รวมถึงโรคปอดอักเสบรุนแรง โดยเฉพาะเมื่อปี พ.ศ.2562-2563 พบจำนวนผู้เสียชีวิตจากการเสพรุนแรงกว่า 60 รายในสหรัฐอเมริกา โดยอายุเฉลี่ยของผู้ป่วยน้อยกว่า 30 ปี จากการระดับการรณรงค์ป้องกันการสูบบุหรี่ไฟฟ้าในวัยรุ่นอย่างจริงจังผ่านช่องทางที่เข้าใจง่าย ทำให้อัตราการสูบในเยาวชนลดลงได้บ้าง
บทสรุป บุหรี่ไฟฟ้า อันตรายซ่อนเร้นเร่งปกป้องเด็กไทยจากภัยบุหรี่ไฟฟ้า
สาเหตุที่ต้องปกป้องกลุ่มเด็กและเยาวชน เพราะพบว่า สารนิโคตินใน บุหรี่ไฟฟ้า มีผลต่อพัฒนาการทางสติปัญญาและอารมณ์ พบว่าผู้สูบบุหรี่ไฟฟ้า มีภาวะซึมเศร้ามากกว่าผู้ไม่สูบสองเท่า นอกจากนี้การเสพติดบุหรี่ไฟฟ้าที่มีสารนิโคตินเลิกยากมาก