ศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ เปิดเผยว่า ขณะนี้อัตราการสูบ บุหรี่ไฟฟ้า ในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น เน้นในกลุ่มวัยรุ่นในตัวเมือง จากผลการสำรวจพฤติกรรมบริโภคบุหรี่ไฟฟ้าของเยาวชนไทย พ.ศ.2560 ในกลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัย จำนวน 1,155 คน มีถึง 61% ที่สูบบุหรี่ไฟฟ้า และกลุ่มนักเรียนมัธยมปลายเขตกรุงเทพ จำนวน 945 คน พบว่า 30.5% สูบบุหรี่ไฟฟ้าเช่นกัน ทั้งนี้ยังมีความเชื่อแบบผิด ๆ ที่ทำให้เยาวชนไทยหันมาสูบพอตใช้แล้วทิ้งกันมากขึ้นอีกด้วย ความเชื่อแบบผิด ๆ นั้นมีอะไรกันบ้างไปดูกันเลย
ความหลงเชื่อแบบผิดๆที่ทำให้วัยรุ่นไทยหันมาสูบบุหรี่ไฟฟ้า
1.เชื่อว่ามีกลิ่นหอม
น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าหรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า E-liquid จะมีสารประกอบอยู่หลายชนิด ที่ทำให้เกิดกลิ่นและรสที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งมีทั้งแบบที่ผสมและไม่ผสมนิโคติน แต่ถึงอย่างไรก็ตามสารนิโคตินก็ถือว่าเป็นสารเสพติดชนิดหนึ่ง ที่สามารถก่อให้เกิดโรคมะเร็งปอด และโรคที่เกี่ยวกับทางเดินหายใจได้ ทั้งนี้ควันบุหรี่ที่มีนิโคตินยังส่งผลให้ผู้ที่ได้รับสาร อาจทำให้มีอาการความดันโลหิตสูงขึ้น อัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้น หายใจถี่ขึ้น หรือน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นได้
2.เชื่อว่าปลอดภัย
นอกจากนิโคตินที่เป็นส่วนผสมหลักแล้ว บุหรี่ไฟฟ้ายังมีสารปนเปื้อนอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นโพรไพลีนไกลคอล ที่ทำให้ระคายเคืองตาและปอด ก่อให้เกิดโรคปอดเรื้อรัง โรคหอบหืด และโรคถุงลมโป่งพอง กลีเซอรีนและสารแต่งกลิ่นรส ที่ก่อให้เกิดปัญหาทางระบบทางเดินหายใจและปอด นอกจากนี้มีงานวิจัยที่พบว่าในน้ำยาที่ใช้ในบุหรี่ไฟฟ้า มีโลหะหนักปนเปื้อนอยู่ ทั้ง นิกเกิ้ล ตะกั่ว โครเมี่ยม ที่เป็นพิษต่อปอด และแคดเมียมที่อันตรายต่อไต นอกจากนี้ยังมีสารพิษที่เป็นสาเหตุของโรคมะเร็งอยู่ในปริมาณมากอีกด้วย
3.เชื่อว่าทันสมัย
บุหรี่ไฟฟ้าเป็นบุหรี่แบบใหม่ที่ดูทันสมัย ทำให้หลายคนเข้าใจว่าการสูบบุหรี่ไฟฟ้าเป็นทางเลือกหนึ่งของการสูบบุหรี่ที่ปลอดภัย แต่มันได้ปลอดภัยอย่างที่คิด โดยบุหรี่ไฟฟ้าเป็นอุปกรณ์ที่ใช้แบตเตอรี่ และในปัจจุบันมีการดัดแปลงบุหรี่ไฟฟ้าให้มีลักษณะที่แตกต่างกันออกไป และยังไม่มีมาตรฐานการผลิตที่เป็นไปในรูปแบบเดียวกัน จึงมีข่าวการระเบิดของบุหรี่ไฟฟ้าปรากฏเพิ่มขึ้นให้เห็นตามสื่อต่าง ๆ โดยเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางของประเทศสหรัฐอเมริกา ออกมาเปิดเผยเกี่ยวกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ว่ามีจำนวนมากถึง 56 ครั้ง
4.เชื่อว่าไม่ทำให้เสพติด
แม้จะมีการอ้างสรรพคุณว่าบุหรี่ไฟฟ้าช่วยเลิกบุหรี่ได้ แต่จากเอกสารของกระทรวงอาหารและยาสหรัฐอเมริกาได้ระบุเอาไว้ว่า ขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ใด พิสูจน์ได้ว่า บุหรี่ไฟฟ้าเป็นนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ยาสูบ ที่มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการช่วยเลิกบุหรี่ เป็นเพียงความเข้าใจของผู้สูบบุหรี่ไฟฟ้าบางกลุ่มเท่านั้น
บทสรุปส่งท้ายความเชื่อแบบผิดๆกับบุหรี่ไฟฟ้า
ตามพระราชบัญญัติควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ.2560 ระบุเอาไว้ว่า บุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าต้องห้ามในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร ผู้ฝ่าฝืนจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับเป็นเงิน 5 เท่าของราคาสินค้า หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้รับสินค้านั้น รวมถึงพาหนะที่ใช้บรรทุกสินค้านั้นด้วย